Posts

Showing posts from December, 2017

ใช้ accuse of เมื่อกล่าวหาว่าใครบางคนทำผิด

Accuse of = เออะคิวซฺ อ็อฟ (กล่าวหาว่า) กริยาวลีที่ต้องใช้ร่วมกับบุพบท of เสมอ มักนิยมใช้กันทั้งในรูป active voice (ประธานกระทำ) passive voice (ประธานถูกกระทำ) เมื่อพูดกล่าวหาว่าใครทำอะไรผิดบางอย่าง ดูตัวอย่างการใช้ดังนี้ครับ 1 he accused her of lying. ฮี เออะคิวซฺด เฮอร อ็อฟ ไลยฺอิงกฺ (เขากล่าวหาว่าเธอโกหก) 2 He is accused of stealing Jim’s money. ฮี อิซ เออะคิวซฺด อ็อฟ สตีลลิงกฺ จิมซฺ มันนี (เขาถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินของจิม) ข้อควรจำ accused of ต้องตามด้วยคำนามหรือ v. ing เสมอ การออกเสียง เน้นพยางค์หลัง เออะ คิ้วซฺ บทสนทนาถัดไป เมื่อจะพูดว่าทำบางอย่างล่วงหน้า ใช้ in advance บทสนทนาก่อนหน้า ใช้ addicted to เมื่อพูดว่า "ทำบางอย่างจนติด เลิกยาก"

ใช้ addicted to เมื่อพูดว่า “ทำบางอย่างจนติด เลิกยาก”

Addicted to = แอ็ดดิคทิด ทู (ติดนิสัย ติดยาเสพติด) เป็นคำคุณศัพท์ที่จะไม่ใช้วางหน้าคำนาม แต่จะใช้ตามหลัง v. to be หรือกริยาเชื่อมบางคำ ใช้ในความหมายว่า ติดนิสัย ติดยาเสพติด หรือสนใจ ชอบทำอะไรบางอย่างจนติดเป็นนิสัยที่เลิกไม่ได้ ดูตัวอย่างการใช้ได้ดังนี้ครับ 1 my son is addicted to computer games. ไมยฺ ซัน อิซ แอ็ดดิคทิด ทู คอมพิวเทอะ เกมซฺ (ลูกชายผมติดเกมส์คอมพิวเตอร์) 2 She is addicted to alcohol. ชี อิซ แอ็ดดิคทิด ทู แอลกอฮอลฺ (เธอติดเหล้า) ข้อควรจำ addicted ต้องใช้ตามหลัง v. to be (is, am, are) หรือกริยาเชื่อมบางคำ เช่น become และตามมาด้วยบุพบท to เสมอ (ในบางบริบทคำนี้อาจมีความหมายว่า ชอบ หรือหลงไหลก็ได้ครับ) การออกเสียง จะเน้นพยางค์ที่สอง แอ็ด ดิ้ค ทิด บทสนทนาถัดไป ใช้ accuse of เมื่อกล่าวหาว่าใครบางคนทำผิด บทสนทนาก่อนหน้า ใช้ admit เมื่อพูดว่า "ยอมรับ ยอมรับผิด และอนุญาตให้เข้าร่วม

ใช้ admit เมื่อพูดว่า “ยอมรับ ยอมรับผิด และอนุญาตให้เข้าร่วม”

Admit = แอดมิท (ยอมรับ ยอมรับผิด อนุญาตให้เข้าร่วม) เป็นคำกริยา ที่ใช้เมื่อจะพูดว่า “ยอมรับความจริง ยอมรับผิด” “อนุญาตให้เข้าร่วม” ดูรายละเอียดการใช้คำนี้ได้ดังนี้ครับ 1 Don’t be afraid to admit to your mistakes. โดนทฺ บี อะเฟรด ทู เอิดมิท ทู ยัวรฺ มิสเทคสฺ (อย่ากลัวที่จะยอมรับผิด) 2 She admitted to having stolen her friend’s money. ชี เอิดมิททิด ทู แฮฟวิงกฺ สโตนเลิน เฮอรฺ เฟรนดฺส มันนิ (เธอยอมรับว่าได้ขโมยเงินของเพื่อน) 3 You will not be admitted to the theater after the performance has started. ยู วิลวฺ น็อท บี เอิดมิททิด ทู เดอะ เธียเธอะ อาฟเทอะ เดอะ เพอะฟอรฺมเมินสฺ แฮซ สตาททิด (โรงภาพยนตร์ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปข้างในหลังจากภาพยนตร์เริ่มฉายแล้ว) ข้อควรจำ นอกจากนี้คำนี้ยังสามารถใช้ในกรณีที่พูดว่า รับเข้าเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลหรือบางสถานที่เพื่อที่จะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น Three crash victims were admitted to the local hospital. ธรี แครช วิคทิมสฺ เวอรฺ เอิดมิททิด ทู เดอะ โลเคิล ฮอสพิเทิล (โรงพยาบาลรับผู้ประสบอุบัติเหตุรถชน

ใช้ admire เมื่อจะพูดว่า “ชื่นชมใครหรืออะไรบางอย่าง”

Admire = เอิดไมเออะรฺ (ชื่มชม นับถือ เลื่อมใส) เป็นคำกริยา ใช้พูดหรือเขียนเมื่อเราจะบอกว่า ชื่นชมหรือนับถือบางคนบางสิ่งตามที่เห็นเป็นอยู่ หรือชื่นชมนับถือในการกระทำบางอย่างของบุคคล นอกจากนี้ยังใช้ในความหมายว่ามองหรือพิจารณาบางสิ่งด้วยความชื่นชม อีกด้วย ดูตัวอย่างการใช้ 1 I really admire your bravery. ไอ เรียลลิ เอิดไมเออะ ยัวรฺ เบรฟเวอะริ (ผมนับถือในความกล้าหาญของคุณจริงๆครับ) 2 I admire the way you handled the situation. ไอ เอิดไมเออะ เดอะ เวยฺ ยู แฮนเดิล เดอะ ซิทจิวเอเชิน (ผมนับถือการรับมือกับสถานการณ์ของคุณ) 3 I stop halfway up the hill to admire the view. ไอ สต็อพ ฮาลฺฟเวยฺ อัพ เดอะ ฮิลวฺ ทู เอิดไมเออะ เดอะ วิว (ผมหยุดชื่นชมทัศนียภาพกลางทางระหว่างขึ้นเขา) ข้อควรจำ บางครั้ง admire จะใช้กับคำบุพบท for ตัวอย่างเช่น I don’t agree with him, but I admire him for sticking to his principles. ไอ โดนทฺ อะกรี วิดฬฺ ฮิม บัท ไอ เอิดไมเออะ ฮิม ฟอรฺ สติคกิงกฺ ทู ฮิส พรินซิเพิลวฺส (ผมไม่เห็นด้วยกับเขาแต่ผมนับถือเขาที่ยึดมั่นในหลักการ) การออกเสียง คำนี

เมื่อจะพูดว่า “ปรับการทำงานของเครื่องใช้หรือปรับตัวให้คุ้นเคยกับบางอย่าง” ใช้ adjust

Adjust = อะจัสทฺ (ปรับ ปรับตัว) เป็นคำกริยา ที่สำคัญคือออกเสียงว่า อะจัสทฺ หรือ เออะจัสทฺ เน้นพยางค์ที่สอง ไม่ใช่ แอ็ดจัสทฺ เราสามารถใช้คำนี้ในการพูดหรือเขียนเมื่อต้องการสื่อความหมายถึง การปรับแต่งเครื่องมือ ข้าวของ เครื่องใช้สักเล็กน้อยเพื่อให้มีความเหมาะสมถูกต้องและใช้งานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในความหมาย การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและอยู่ในสภาวะปกติ ดูตัวอย่างการใช้คำนี้ทั้งสองความหมายดังนี้ครับ 1 Please adjust the clock. It is 5 minutes slow. พลีซ อะจัสทฺ เดอะ คลอค อิท อิซ ไฟวฺ มินิทสฺ สโลวฺ (ช่วยตั้งนาฬิกาให้หน่อยครับ มันเดินช้า 5 นาที) 2 It is difficult to adjust himself to living in the country. อิท อิซ ดิฟฟิเคิลทฺ ทู อะจัสทฺ ฮิมเซลวฺ ทู ลิฟวิงกฺ อิน เดอะ คันทรี (เขาปรับตัวเพื่ออยู่ในชนบทได้ยาก) ข้อควรจำ adjust ในความหมายว่า “ปรับตัว หรือคุ้นเคย” ในประโยคตัวอย่างที่ 2 มักใช้ร่วมกับ to ( ตามหลังคำว่า himself ) และตามด้วยคำนามหรือ v. ing  บทสนทนาถัดไป ใช้ admire เมื่อจะพูดว่า "ชื่นชมใครหรืออ

ใช้ dream of / about เมื่อพูดว่า “ฝันถึงใครหรือเหตุการณ์บางอย่าง”

Dream of / about = ดรีม อ็อฟ / อะเบาทฺ (ฝันถึง) dream เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยาในฐานะที่ใช้ในคำกริยาในความหมายว่านอนหลับแล้วฝันไป จะใช้ตามด้วย of / about ดูรายละเอียดการใช้ได้ต่อไปนี้ครับ 1 I dreamt about / of you last night. ไอ เดรมทฺ อะเบาทฺ / อ็อฟ ยู ลาสทฺ ไนทฺ (เมื่อคืนผมฝันถึงคุณ) 2 I dreamt you last night. ไอ เดรมทฺ ยู ลาสทฺ ไนทฺ หมายเหตุ ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 1 ถูกต้อง ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 2 พูดผิด เนื่องจากไม่ใช้คำบุพบท of / about ตามหลังกริยา dream ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ข้อควรจำ นอกจากนี้ท่านยังสามารถใช้ คำนี้ในฐานะคำนามในความหมายเดียวกันนี้โดยมีหลักการใช้ดังต่อไปนี้ครับ I had a vivid dream of / about my old school. ไอ แฮด อะ วิฟวิด ดรีม อ็อฟ / อะเบาทฺ ไมยฺ โอลดฺ สคุล (ผมฝันถึงโรงเรียนเก่าอย่างกับเป็นจริง) บทสนทนาถัดไป เมื่อจะพูดว่า "ปรับการทำงานของเครื่องใช้หรือปรับตัวให้คุ้นเคยกับบางอย่าง" ใช้ adjust บทสนทนาก่อนหน้า เมื่อต้องการพูดว่า "คอยหรือรอใครหรือรอให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น" ใช้  wait f

เมื่อต้องการพูดว่า “คอยหรือรอใครบางคนหรือรอให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น” ให้ใช้ wait for

Wait for = เวท ฟอรฺ (รอ คอย) กริยาวลีนี้มีลักษณะการใช้ดังต่อไปนี้ครับ 1 I shall wait for you at The Mall. ไอ แชลวฺ เวท ฟอรฺ ยู แอ็ท เดอะ มอลลฺ (ผมจะรอคุณอยู่ที่เดอะมอลล์) 2 I am waiting for the rain to stop before going out. ไอ แอม เวทติงกฺ ฟอรฺ เดอะ เรน ทู สต็อพ บิฟอรฺ โกอิงกฺ เอาทฺ (ผมกำลังรอให้ฝนหยุดก่อนออกไปข้างนอก) 3 I shall wait you at The Mall ไอ แชลวฺ เวท ยู แอ็ท เดอะ มอลล์ หมายเหตุ ภาษาอังกฤษใน 1 และ 2 ถูกต้อง ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 3 เขียนผิดเนื่องจากไม่มีคำบุพบท for ตามหลังกริยา wait ตามที่กล่าวข้างต้น ข้อควรจำ ส่วนคำกริยา await ซึ่งมักใช้ในการเขียนหรือพูดเป็นทางการและมีความหมายเหมือนกับคำว่า wait จะใช้โดยไม่มีบุพบท for ตามหลัง ตัวอย่างเช่น We are awaiting your reply at earliest. วี อารฺ อะเวทติงกฺ ยัวรฺ รีไพลยฺ แอ็ท เออรฺลิอิสทฺ (เรารอคำตอบด่วนจากคุณ) บทสนทนาถัดไป ใช้ dream of / about เมื่อพูดว่า "ฝันถึงใครหรือเหตุการณ์บางอย่าง" บทสนทนาก่อนหน้า อย่าลืม ! explain ต้องใช้ร่วมกับ to เสมอเมื่อต้องการจะพูดว่า "อ

อย่าลืม! explain ต้องใช้ร่วมกับ to เสมอเมื่อต้องการพูดว่าจะ “อธิบาย” บางอย่างให้ใครฟัง

Explain to = อิคสฺเพลน ทู (อธิบาย) เราใช้คำนี้เมื่อต้องการอธิบายรายละเอียดบางอย่างให้ใครๆฟังเพื่อให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถใช้ในลักษณะโครงสร้างต่อไปนี้ 1 explain + กรรมตรง + to + กรรมรอง และ 2 explain + to + กรรมรอง + กรรมตรง ดูตัวอย่างได้ด้านล่างครับ 1 Please explain your problem to me. พลีซ อิคสฺเพลน ยัวรฺ พร็อบเลิม ทู มี (กรุณาอธิบายปัญหาของคุณให้ผมฟังเถอะครับ) 2 I will explain to you why I don’t like him. ไอ วิลวฺ อิคสฺเพลน ทู ยู ไวยฺ ไอ โดนทฺ ไลคฺ ฮิม (ฉันจะอธิบายให้คุณฟังว่าทำไมถึงไม่ชอบเขา) หมายเหตุ 1 ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 1 ถูกต้องและ มีโครงสร้างตามโครงสร้างในข้อ 1 ข้างต้น ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 2 ก็พูดถูกต้องแต่มีโครงสร้างตามโครงสร้างในข้อ 2 ข้างต้นซึ่งกรรมตรงมักจะอยู่ในรูป noun clause และ noun phrase 3 Please explain me your problem. พลีซ อิคสฺเพลน มี ยัวรฺ พร็อบเลิม หมายเหตุ 2 ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 3 เขียนผิดเพราะไม่มีคำบุพบท to ตามที่ชี้แจงข้างต้น บทสนทนาถัดไป เมื่อต้องการพูดว่า "รอหรือคอยใครบางคนหรือรอให

ใช้ take หรือ have a bath เมื่อพูดว่า “อาบน้ำ” ไม่ใช่ make a bath

Take / have a bath = เทค / แฮฟวฺ อะ บาธ (อาบน้ำ) เป็นสำนวนที่ใช้พูดเมื่อบอกว่า “อาบน้ำ” ซึ่งรายละเอียดการใช้ที่ถูกต้องมีดังต่อไปนี้ครับ 1 I take / have a bath every morning. ไอ เทค / แฮฟวฺ อะ บาธ เอฟวฺริ มอรฺนิงกฺ (ผมอาบน้ำทุกเช้า) 2 I make a bath every morning. ไอ เมค อะ บาธ เอฟวฺริ มอรฺนิงกฺ หมายเหตุ ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 1 ถูกต้อง ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 2 พูดผิด ข้อควรจำ 1  นอกจากนี้ยังนิยมพูดว่า have / take a shower = แฮฟวฺ / เทค อะ เชาเออรฺ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการอาบน้ำด้วยฝักบัว แต่ ถ้าหากพูดถึงการไปเล่นน้ำ หรือว่ายน้ำ ที่ชายทะเล แม่น้ำหรือที่สระน้ำ  จะพูดว่า bathe, swim, go swimming หรือ go for a swim ดูตัวอย่างการใช้ได้ด้านล่างครับ Let’s go for a swim in the pool. เลทสฺ โก ฟอรฺ อะ สวิม อิน เดอะ พูลฟ (ไปว่ายน้ำในสระกันเถอะ) I go swimming every morning before breakfast. ไอ โก สวิมมิงกฺ เอฟวฺริ มอรฺนิงกฺ บิฟอรฺ เบรกฟาสทฺ (ผมว่ายน้ำก่อนรับประทานอาหารเช้าทุกวัน) ข้อควรจำ 2 ส่วนชุดว่ายน้ำ ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษจะเรียกว่า a swimmin

ใช้ have one’s hair cut เมื่อพูดว่า “ไปตัดผม” ไม่ใช่ cut one’s hair

Have one’s hair cut = แฮฟวฺ วันซฺ แฮรฺ คัท (ตัดผม) วลีหรือสำนวนนี้ใช้เมื่อเราบอกกับใครๆว่า เราไปตัดผม ซึ่งท่านจะเห็นว่าเมื่อพูดเป็นภาษาอังกฤษจะมีโครงสร้างรูปประโยคต่างจากภาษาไทย ท่านอาจฟังแล้วงง ต้องดูตัวอย่างประโยคเปรียบเทียบถูกผิดด้านล่างครับ 1 I am going to have my hair cut. ไอ แอม โกอิงกฺ ทู แฮฟวฺ ไมยฺ แฮรฺ คัท (ผมจะไปตัดผม) 2 I am going to cut my hair. ไอ แอม โกอิงกฺ ทู คัท ไมยฺ แฮรฺ หมายเหตุ ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 1 ถูกต้อง เนื่องจากเราตัดผมด้วยตัวเองไม่ได้ต้องให้ช่างตัดให้ ส่วนประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 2 พูดผิด  บทสนทนาถัดไป ใช้ take หรือ have a bath เมื่อพูดว่า "อาบน้ำ" ไม่ใช่ make a bath บทสนทนาก่อนหน้า ใช้ turn / switch on หรือ off the light เมื่อพูดว่า "เปิดหรือปิดไฟ" อย่า ใช้ open, close / shut

ใช้ turn / switch on หรือ off the light เมื่อพูดว่า “เปิดหรือปิดไฟ” อย่าใช้ open / close หรือ shut

Turn / switch on / off the light = เทิรฺน / สวิทชฺ ออน / อ็อฟ เดอะ ไลทฺ (เปิด / ปิดไฟ) คำว่า เปิด และ ปิดไฟเมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษมักจะทำให้เราชาวไทยสับสนงงกันพอสมควร เพราะเรามักจะชินกับคำว่า ปิดและเปิดในภาษาไทยซึ่งเราจะใช้สองคำนี้กับการเปิดและปิดทุกอย่าง แต่ภาษาอังกฤษจะใช้ศัพท์ต่างกัน ดูลักษณะการใช้คำเหล่านี้ในภาษาอังกฤษได้ดังนี้ครับ 1 Please turn on (or off) the light. พลีซ เทิรฺน ออน (ออรฺ อ็อฟ) เดอะ ไลทฺ (ช่วยเปิด (หรือ ปิด) ไฟให้หน่อยครับ) 2 Please open (or close / shut) the light. พลีซ เออะเพน (ออรฺ โคลซ / ชัท ) เดอะ ไลทฺ หมายเหตุ 1 ภาษาอังกฤษในข้อ 1 เขียนถูกต้อง ประโยคภาษาอังกฤษในข้อ 2 เขียนผิด ข้อควรจำ อย่างไรก็ตามเราจะใช้ light = ไลทฺ (จุดไฟ) และ blow out = โบลวฺ เอาทฺ หรือ put out = พุท เอาทฺ ที่แปลว่า “ดับไฟ” กับคำว่า lamp = แลมพฺ (ตะเกียง) candle = แคนเดิล (เทียน) fire = ไฟเออะ (ไฟ หรือกองไฟ) ตัวอย่างเช่น She lit the candle. ชี ลิท เดอะ แคนเดิล (เธอจุดเทียน) Firefighters soon put the fire out. ไฟเออะไฟเธอรฺส ซูน พุท เดอะ