Posts

Showing posts from October, 2011

การพูดประโยคคำถามขึ้นต้นด้วย what?

ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย what?= ว็อท? (อะไร?)   เป็นหนึ่งในบรรดาคำถามประเภทที่ต้องการรายละเอียดเวลาเราอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ซึ่งคำว่า what?= ว็อท?   ในภาษาอังกฤษแปลว่า "อะไร?" ในภาษาไทย ท่านสามารถ พูดภาษาอังกฤษโดยใช้ what? ตั้งคำถามในเรื่องที่ท่านสงสัย เช่นท่านอาจจะถามว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ก็จะ ถามเป็นภาษาอังกฤษ ได้ว่า What happens there now?= ว็อท แฮพพึนสฺ แดรฺ นาว ?   ประโยคนี้เป็นประโยคง่ายๆสั้น แต่ต้องการรู้รายละเอียดว่าอะไรเกิดขึ้นที่นั่น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ตอบก็ต้องตอบแบบให้รายละเอียดคือต้องบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นในตอนนี้ เช่นอาจจะตอบว่า It is raining heavily and thundering with a very loud noise here.= อิท อิซ เรนนิง เฮฟวิลิ แอน ธันเดอรฺริง วิดฬฺ อะ เวริ ลาวดฺ นอยสฺ เฮียรฺ (ฝนกำลังตกหนักและฟ้าร้องเสียงดังมากที่นี่) ตัวอย่างการพูดประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย What? 1. What are you doing? ว็อท อารฺ ยู ดูอิง? (คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ?) อาจตอบได้ว่า I am cooking. ไอ แอม คุกกิง (ฉันกำลังทำอาหารอยู่ค่ะ) I am driving. ไอ แอม ไดรฟฺวิง (ผมกำลังขั

การพูดประโยคคำถามที่ต้องการรายละเอียด Wh question?

การพูดประโยคคำถามที่ต้องการรายละเอียดในภาษาอังกฤษหรือประโยค wh question?=ดับเบิลยูเอ็ช เค็วสชึน?   จะช่วยให้ท่าน พูดภาษาอังกฤษ ได้เพิ่มขึ้นหรือรู้รายละเอียดมากขึ้น การพูดประโยคลักษณะนี้ผู้ถามจะต้องการรายละเอียดแทนที่จะต้องการรู้แค่ว่าใช่หรือไม่ใช่และผู้ตอบก็จะตอบแบบให้ข้อมูลหรือรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ถามได้ถาม สำหรับท่านที่เริ่ม ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ใหม่ๆสามารถเริ่มฝึกพูดโดยใช้ ประโยค wh question? ถามถึงสิ่งต่างๆที่ท่านอยากรู้ คำถามที่ใช้ในการพูดประโยคคำถามที่ต้องการรายละเอียดมี 6 คำได้แก่ Who?= ฮู? (ใคร?) What?= ว็อท? (อะไร?)  Where?= แวรฺ? (ที่ไหน?)  When?= เว็น? (เมื่อไหร่?) Why?= วาย? (ทำไม?) และ How?= ฮาว?   (อย่างไร่? เท่าไหร่?) ส่วนจะใช้คำไหนถามก็แล้วแต่ว่าท่านอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับอะไร เช่นถ้าอยากรู้เกี่ยวกับสถานที่ก็จะใช้ where?  สมมุติว่าท่านจะถามเพื่อนของท่านที่เป็นชาวต่างชาติว่า คุณมาจากไหน? ในภาษาอังกฤษก็จะพูดว่า Where are you from?= แวรฺ  อารฺ ยู ฟรอม? หรือ Where do you come from?= แวรฺ ดู ยู คัม ฟรอม?   ผู้ตอบก็อาจจะตอบว่า ผมมาจากอเมริกา ซึ่งภาษาอังกฤษจะพูดว่

ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยประโยคคำถามง่ายๆ yes/no question?

สำหรับท่านที่เพิ่ง ฝึกพูดภาษาอังกฤษ หรือ เรียนพูดภาษาอังกฤษ ใหม่ๆ อาจจะเจอกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จะพูดอะไรหรือไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี วิธีแก้ก็คือให้ท่านเริ่ม ฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยเริ่มจากประโยคง่ายๆสั้นๆก่อน เช่น อาจเริ่มโดย ประโยคคำถามง่ายๆสั้นๆ ที่ผู้ถามไม่ต้องพูดประโยคที่ยาวมากและผู้ตอบก็ไม่ต้องตอบเป็นประโยคที่ยาวเฟื้อยเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่ยากจนนึกคำหรือสิ่งที่จะพูดไม่ออกจนเบื่อหรือเหนื่อยหน่ายที่จะ พูดภาษาอังกฤษ กันเสียก่อน ประโยคคำถามแบบสั้นๆในภาษาอังกฤษเรียกว่า yes/no question?= เย็ส/โน เควสชึน?   คือผู้ถามจะถามว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ใช่หรือไม่ใช่? เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ใช่ไหม?อะไรทำนองนี้ ส่วนผู้ตอบก็จะตอบแค่เพียงว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ก็ได้ความหมายเป็นที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว และเมื่อท่านฝึกพูดประโยค yes/no question?   ได้คล่องและรู้ศัพท์มากพอแล้วท่านก็จะสามารถพูดประโยคที่ยาวขึ้นได้ไม่ยากเลยครับ ตัวอย่างการพูดประโยคคำถามสั้นๆแบบ yes/no question? 1 ถามสถานภาพ Are you Thai?  อารฺ ยู ไท? (คุณเป็นคนไทยใช่ไหมครับ?) คำถามประเภทนี้ตอบได้สองอย่างเท่านั้นครับคือใช่ กับ ไม่ใช่ Yes,

จะเริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างไรดี?

หลังจากท่านได้รู้แล้วว่า พยัญชนะและสระในภาษาอังกฤษออกเสียงอย่าง ไรบ้าง ขั้นต่อไปก็ให้ศึกษาเรื่องคำศัพท์ หลายคนอาจสับสนไม่รู้จะเริ่มจาก คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำไหนดี เพราะใน ภาษาอังกฤษ ก็มีคำศัพท์เยอะแยะมากมายไปหมด ถ้าท่านมีปัญหาดังกล่าวให้ท่านคิดถึงคำศัพท์ที่ท่านต้องใช้ในชีวิตประจำวันก่อนเป็นอันดับแรก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อท่านอยู่ที่บ้านในบ้านของท่านมีสิ่งของอะไรอยู่บ้าง ให้ท่านนึกชื่อสิ่งของในบ้านท่านเป็นภาษาอังกฤษหรือชื่อศักดิ์ของคนในบ้าน ให้ท่านฝึกพูดคำศัพท์เกี่ยวกับคนในบ้านท่านเป็นภาษาอังกฤษ เช่น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา หรือ ลูกๆของท่าน เมื่อท่านเดินทางไปทำงานบนท้องถนนท่านพบเห็นอะไรบ้างให้นึกสิ่งเหล่านั้นหรือ เปล่งเสียงสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ     เมื่อท่านไปถึงที่ทำงานให้นึกหรือเปล่งเสียงสิ่งที่ท่านพบเจอที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ หรือเมื่อท่านออกมาข้างนอกสิ่งต่างๆบนพื้นดิน บนท้องฟ้าให้ท่านนึกหรือเปล่งเสียงออกมาเป็น ภาษาอังกฤษ ตัวอย่างศัพท์ใกล้ตัวที่ท่านอาจนำมาใช้ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ในขั้นต้น 1  สิ่งทีอยู่ในบ้านของท่าน เช่น bed= เบด   ( เตียง) , pillow= พิลโละ   ( หมอ

การสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

การพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ก็คือการพูดถึงเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันวิธีพูดหรือประโยคที่จะพูดให้ท่านนึกถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ส่วนมากจะใช้ present simple tense เป็นหลัก ในการ พูดคุยภาษา อังกฤษในชีวิตประจำวัน ท่านอาจจะเริ่มโดยการพูดคุยเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศ ความเป็นอยู่หรือเหตุการณ์ต่างๆที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ หรือสถานการณ์ต่างๆที่กำลังดำเนินไปในปัจจุบันก็ได้ หรืออาจจะเป็นการถามสารทุกข์สุขดิบต่างๆ ถ้าท่านอยากให้ประโยคที่พูดมีความชัดเจนยิ่งขึ้นหรือให้ความรู้สึกมากขึ้นก็ให้ใช้ คำกริยาวิเศษณ์หรือ adverb เพื่อเน้นให้เห็นภาพเพิ่มมากขึ้น adverb ที่อยู่ใน present simple tense เช่น for the time being, now, just now, these days, in the present เป็นต้น นอกจาก present simple tense แล้ว อาจจะมีการใช้ tense อื่นร่วมด้วยบ้างใน การพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ดูการพูดคุยในชีวิตประจำวันได้ตามลิงค์ต่อไปนี้ครับ บทความที่เกี่ยวข้องกับการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน การพูดทักทายในชีวิตประจำวันเป็นภาษาอังกฤษ การพูดทักทายอย่างเป็นทางการภาษาอังกฤษ การพูดทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่เจอกันมา

การพูดและออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา ตอนที่ 1

การพูดและออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้องหรือให้เหมือนเจ้าของภาษามากที่สุด สามารถทำได้ครับ โดยต้องฝึกออกเสียงตั้งแต่พยัญชนะ สระ คำ วลี ประโยคไปจนถึงโทนเสียงต่างๆที่ไม่มีเหมือนในภาษาไทย ลำดับแรกสุดของการฝึกคือให้ท่านวาง ลิ้น วางปากให้ถูกก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมา เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ไม่มีการใช้วรรณยุกต์เหมือนภาษาไทย เพราะเขาไม่ได้ใช้วรรณยุกต์กำหนดคำแต่ละคำและความหมาย ว่าคำนี้ออกเสียงวรรณยุกต์นี้มีความหมายอย่างนี้ คำนั้นออกเสียงวรรณยุกต์นั้นมีความหมายอีกอย่าง การใช้เสียงวรรณยุกต์กำหนดคำหรือความหมายจะมีในภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอื่นๆ ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่เขาจะให้ความสำคัญกับการเน้นที่พยางค์ใดพยางหนึ่งของคำ หรือถ้าเป็นประโยคก็จะมีโทนเสียงคล้ายดนตรีที่จะเน้นตรงส่วนใดส่วนหนึ่ง และเสียงที่ถูกต้องจะมาจากการวางปากลิ้นที่ถูกต้องก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมา ดังนั้นใน การพูดภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นคำ วลี หรือประโยค ถ้าเราวางปากวางลิ้นไม่ถูกก่อนที่จะออกเสียง เสียงที่ออกก็จะเปลี่ยนไปเลยทำให้เขาฟังเราไม่เข้าใจ และที่สำคัญเราเองก็ฟังเขาไม่ออกด้วย เพราะเราออกเสียงไม่ถูกโดยเข้าใจว่าเ

เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษเบื้องต้น

การพูดภาษาอังกฤษ จะมีแบบแผนเฉพาะของ ภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยและภาษาอื่นๆ ความแตกต่างที่ต้องระลึกถึงและให้ความสำคัญอยู่เสมอคือ ภาษาอังกฤษจะเน้นที่พยางค์ใดพยางค์หนึ่งของคำเสมอแต่จะไม้เน้นเสียงติดกันสองพยางค์ ภาษาอังกฤษจะไม่ให้ความสำคัญกับการออกเสียงวรรณยุกต์และสระ แต่จะให้ความสำคัญกับการเน้นที่พยางค์หนึ่งพยางค์ใดของคำ ให้จำง่ายๆว่าพยางค์ที่เน้นจะลากเสียงยาว ส่วนพยางค์ที่ไม่เน้นจะออกเสียงสั้นๆหรือเบาๆจนบางทีแทบจะไม่ได้ยินเสียงในพยางค์ที่ไม่เน้นเลยก็มี เมื่อเป็นอย่างนี้เราจะเห็นว่า สระในภาษาอังกฤษจะออกเสียงไม่ตายตัว เหมือนกับภาษาไทยเพราะเขาจะให้ความสำคัญกับเรื่องเน้นเสียงที่พยางค์หนึ่งพยางค์ใดมากกว่า พูดง่ายๆก็คือขอให้เน้นเสียงให้ถูกพยางค์ไว้ก่อนส่วนสระอาจเป็น อา ออ โอ ก็ไม่สำคัญนัก ขอเพียงอย่าให้ห่างไกลกันมากก็พอ ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ ภาษาอังกฤษ แต่บางทีเราคนไทยอาจไม่ชินกับการเน้นเสียงที่พยางค์ใดพยางค์หนึ่งอย่าง ภาษาอังกฤษ ก็เลยไม่ถนัด เพราะเราให้ความสำคัญกับการสะกดคำ เรื่องของสระและการออกเสียงวรรณยุกต์มากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าท่านจะฝึกพูดภาษาอังกฤษท่านต้องเปิดพจนานุก

เทคนิคการออกเสียงภาษาอังกฤษ

การออกเสียงภาษาอังกฤษ มีหลักที่ควรจำและนำไปปฏิบัติอยู่อย่างหนึ่งคือ เสียงที่เกินขึ้นจากการพูดแต่ละพยัญชนะ สระ หรือแต่ละคำ แต่ละประโยค ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งนั้นการขยับของปากหรืออวัยวะที่ออกเสียงนั้นจะไม่เหมือนกัน จากการทำปากที่ต่างกันทำให้เกิด เสียงต่างๆในภาษาอังกฤษ ในเวลาเราพูดหรืออ่านออกเสียง หากเราเพียงแต่ได้ยินคนพูดพยัญชนะ สระ คำ หรือ ประโยคในภาษาอังกฤษ ให้ฟังแล้วให้เราพูดตาม เราอาจจะพูดตามหรือออกเสียงตามได้แต่มักจะไม่ถูกนัก เพราะเราไม่รู้ว่า พยัญชนะหรือคำภาษาอังกฤษ ที่เราพูดตามนั้นต้องทำปากอย่างไร เพราะฉะนั้นการรู้ว่าต้องทำปากอย่างไรเมื่อต้องออก เสียงแต่ละพยัญชนะในภาษาอังกฤษ จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกใน การฝึกพูดภาษา อังกฤษ เลยทีเดียว การไม่ทำปากให้ถูกเวลา ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ก็เท่ากับว่าเราเอาพยัญชนะ สระ หรือคำและประโยคในภาษาอังกฤษมาออกเสียงเป็นภาษาไทยตามที่เราคุ้นเคยไปเสียทั้งหมด ทำให้การออกเสียงที่ได้ผิดเพี้ยนและไม่เป็นภาษาอังกฤษทำให้สื่อสารกับชาวต่างชาติหรือผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ นอกจากนั้นเรายังฟังเขาไม่รู้เรื่องด้วยเนื่องจากเราเข้าใจตามที่เราออกเสียงเป็นภาษาไทยซึ่งค

ก่อนพูดภาษาอังกฤษต้องออกเสียงพยัญชนะและสระภาษาอังกฤษให้ถูกก่อน

ไม่ว่าเราจะพูดภาษาไหนเราต้องรู้ก่อนว่าคำที่เราจะพูดหรือประโยคที่เราจะพูดนั้นออกเสียงอย่างไร มีโทนเสียงจังหวะจะโคนอย่างไร และการที่จะรู้ได้ว่าคำหรือประโยคต่างๆนั้นออกเสียงอย่างไรเราก็ต้องรู้ก่อนว่าพยัญชนะแต่ละคำและสระแต่ละสระนั้นออกเสียงอย่างไร ใน ภาษาอังกฤษ ก็เช่นเดียวกัน เราต้องรู้ถึงว่า พยัญชนะและสระในภาษาอังกฤษ นั้นออกเสียงอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นใน การพูดภาษาอังกฤษ เราอย่าใจร้อนเกินไปที่จะ พูดภาษาอังกฤษ ให้ได้โดยที่ไม่ใส่ใจในการอออกเสียงพยัญชนะและสระเลย เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการเริ่มต้น เรียนพูดภาษาอังกฤษ ที่ไม่ถูกนักเพราะถ้ายังไม่เข้าใจและยังออกเสียงพยัญชนะไม่ถูกพอพูดเป็นประโยคก็จะพาให้ผิดหมดและจะติดจนชินพูดแบบนั้นไปตลอดทำให้แก้ยาก ถ้าเราไม่ใส่ใจ การออกเสียง เลยเราก็อาจพูดได้แต่มันจะไม่ถูกนัก ที่แย่ไปกว่านั้นบางทีเวลาเรา พูดภาษา อังกฤษกับชาวต่างชาติ ที่ พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เขาจะฟังไม่รู้เรื่องเอาก็ได้ เนื่องจาก พยัญชนะภาษาอังกฤษหลายตัว จะออกเสียงไปคนละอย่างกับพยัญชนะในภาษาไทย  เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ให้แน่ชัดว่าพยัญชนะและสระแต่ละตัวในภาษาอังกฤษนั้นออกเสียงอย่างไร

เทคนิคสร้างความมั่นใจและขจัดอาการประหม่าให้อยู่หมัดเวลาเข้ารับการสัมภาษณ์งาน

Updated on 2/7/2022 by Natdanai Siammai ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติหรือประกอบกิจการที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกอื่นๆ หรือแม้แต่ญี่ปุ่น จีน และชาติอื่นๆอีกมากมาย วิธีการรับคนเข้าทำงานของบริษัทเหล่านี้ก็ต้องมี ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ  เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นธรรมดา ด่านแรกเลยก็คือท่านที่จะสมัครงานกับบริษัทดังกล่าวก็จะเจอกับการ สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ  ซึ่งถือเป็นยาขมหม้อใหญ่ของชาวไทยส่วนใหญ่ก็ว่าได้ ความจริงเทคนิคการขจัดอาการประหม่าให้อยู่หมัดเวลาเข้ารับการสัมภาษณ์งานนี้ใช้ได้ในทุกๆ การสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เพื่อศึกษาต่อ การสัมภาษณ์พื่อให้ได้รับพิจารณาเข้าทำงาน โดยเฉพาะการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาต่างประเทศอย่างภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ก็ตามแต่ ความจริง การเข้าสัมภาษณ์งาน โดยเฉพาะการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวจนเกินไปถ้าเราเตรียมพร้อมมาอย่างดี ขั้นแรกที่สำคัญที่สุดท่าน ต้องอย่าประหม่าที่จะพูดภาษาอังกฤษ เวลา สัมภาษณ์งาน และอย่าประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ที

เรียนพูดภาษาอังกฤษ ก่อนจะฝึกพูดภาษาอังกฤษต้องทำความเข้าใจก่อน

ก่อนที่จะ พูดภาษาอังกฤษ หรือต้องการ ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ท่านต้องทำความเข้าใจในหลักความจริงก่อนว่า ภาษาอังกฤษ กับภาษาไทยมีทั้งส่วนโครงสร้างที่เหมือนและต่างกันเพื่อที่ท่านจะได้ไม่นำเอาโครงสร้างภาษาไทยใส่ไปด้วยเมื่อจะ พูดภาษาอังกฤษ   และไม่ใช่เรื่องโครงสร้างอย่างเดียวแต่หมายถึงการใช้คำและสำนวนต่างๆที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงการออกเสียงพยัญชนะหรือสระ ซึ่งพยัญชนะบางตัวใน ภาษาอังกฤษ จะออกเสียงเทียบได้ชัดเจนกับภาษาไทยแต่บางตัวเทียบได้ไม่ชัดเจนหรือบางตัวออกเสียงที่ไม่มีเสียงพยัญชนะตัวใดเทียบได้หรือหาพยัญชนะในภาษาไทยไปเทียบได้ยากมาก อีกทั้งยังมีความแตกต่างในเรื่องสระ ซึ่ง สระในภาษาอังกฤษ มีน้อยไม่เหมือนในภาษาไทย และเสียงสระก็ไม่ตายตัวเหมือนในภาษาไทยด้วย ตัวอย่างเปรีบเทียบโครงสร้างภาษาอังกฤษกับภาษาไทย ส่วนที่คล้ายกัน 1 She is a student in a university. ชี อิซ อะ สทิวเด็นทฺ อิน อะ ยูนิเวอรฺซิตี (เธอเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง) ส่วนที่แตกต่างกัน 2 She has studied in this famous university for 4 years. ชี แฮซ สตัดดีดฺ อิน ดิ